เบื้องหลังข้อความสำหรับท่านที่ไม่ใช่ชาวสวีเดน

 

ผมเริ่มทำเว็บไซต์นี้ในปี ค.ศ. 2006 เพื่อที่จะบอกให้เพื่อนร่วมชาติของผมในประเทศสวีเดน ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับข่าวสารที่แท้จริง (เว็บไซต์ที่ดั้งเดิมเป็นภาษาสวีเดน www.amoso.se) เป็นเพราะว่าประเทศอันเป็นที่รักของพวกเราโดยทั่วไปแล้วถูกขายโดยไม่ซื่อตรง และโดยการแพร่กระจายความเท็จจากเกย์ล๊อบบี้ (Gay lobby) ที่เป็นชาวสวีเดน (RFSL) ในส่วนลึกข้างใน ผมมีพันธะหน้าที่ ที่จะต้องแบ่งปันเปิดเผยความจริง ที่ผมได้ค้นคว้ามาให้ชาวสวีเดนได้ทราบ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ปัจจุบันเว็บไซต์นี้ได้ถูกแปลเป็นภาษาของคุณ โดยเป็นที่นิยมของประชนชน เว็บไซต์นี้เป็นตัวอย่างอันดีของวัฒนธรรม ศีลธรรมและสังคมของชาวสวีเดน

จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวในเว็บไซต์ของผมก็คือ ต้องการที่จะบอกพ่อแม่และปู่ย่าตายายทุกคน ให้ทราบถึงการป้องกันลูกหลานของท่าน ไม่ให้เป็นคนรักร่วมเพศ ในขณะที่บุตรหลานของท่านมีอายุมากขึ้น หรือเข้าสู่วัยรุ่น ถ้าหากว่าคุณได้เลือกที่จะเบี่ยงเบนเป็นคนรักร่วมเพศแล้ว เว็บไซต์นี้ไม่เหมาะสำหรับคุณ โปรดกรุณาเลิกชมเว็บไซต์นี้เสีย เพราะว่าข้อความในเว็บไซต์นี้อาจจะทำให้คุณโกรธได้

จุดประสงค์ของผมไม่ต้องการที่จะแกล้งทำให้สังคมพวกรักร่วมเพศในสวีเดนโกรธ ผมได้ระลึกถึงความกลัวแล้วได้ทราบว่า มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะผมได้ตีแผ่การใช้ชีวิตของพวกคนรักร่วมเพศว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามผู้ปกครองทุกคนโดยเฉพาะผู้เป็นพ่อ ต้องเข้าใจว่ามันอยู่ในความเสี่ยง และต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้บุตรหลานตัวเล็ก ๆ กลายเป็นคนรักร่วมเพศ และผู้ปกครองทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ว่าเว็บไซต์นี้ได้ตีแผ่ เรื่องที่ถูกปกปิดสามเรื่องที่ถูกเผยแพร่เกี่ยวกับการรักร่วมเพศ

เพราะฉะนั้น ตัวอย่างที่เราได้นำเสนอส่วนใหญ่มาจากประเทศของเราเอง ถ้าคุณไม่ทราบถึงการแพร่กระจายและวิถีชีวิตของชายเล่นสวาทกับผู้ชายอย่างขึ้นชื่อลือนามในประเทศสวีเดน ตัวอย่างบางชิ้นอาจจะทำให้คุณตกใจ ประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่ก้าวไกลกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลกที่ยอมรับและต้อนรับการรุกคืบเข้ามาของการรักร่วมเพศ มีตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือการพิจารณาคดีของพระ (บาทหลวง) Pastor Ake Green (พระจากเมือง Borgholm) ที่เทศน์สั่งสอนสิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิ้ลพูด เกี่ยวกับการรักร่วมเพศและการสำส่อนทางเพศ ที่บิดเบือนไปในทางที่ผิด คุณเห็นหรือไม่ว่าประเทศสวีเดนเป็นประเทศเดียวในทั่วทั้งโลกที่คุณไม่อนุญาตให้พูดอย่างเสรี ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร การแสดงความคิดเห็นออกมาเป็นคำพูดว่า “ดูหมิ่น ไม่เคารพ” ในภาษาสวีเดน “missaktning” ที่ใช้สำหรับพวกคนรักร่วมเพศ คุณก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้ ประเทศทั่วโลกที่เจริญแล้วมีกฏหมายที่ห้ามการยุยง ให้เกิดความรุนแรงต่อกลุ่มคนกลุ่มใด ๆ แต่ประเทศสวีเดนเป็นประเทศเดียวที่ล้ำหน้ากว่าเขาเพื่อน โดยประณามคำพูดใด ๆ ที่เห็นว่าเป็นการ “ดูหมิ่น ไม่เคารพ” พวกรักร่วมเพศให้เป็นคำพูดที่ผิดกฏหมาย ดังนั้นพระ Pastor Ake Green ถูกพิจารณาโทษจำคุกในศาลท้องถิ่นในเมือง Kalmar (Kalmars Tingsratt) การพิจารณาคดีนี้ทำให้กฏหมายครอบคลุมไปถึงกลุ่มชนอื่น ๆ ด้วย (เช่น ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มศาสนาต่าง ๆ) และในความเป็นจริงการพิจารณาคดีนี้เป็นการใช้กฏหมายบังคับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อวาระของพวกชายรักร่วมเพศ ผมจะยกตัวอย่างให้ดูอีกน่ะว่าประเทศสวีเดน ปัจจุบันได้ถูกคลื่นกลุ่มใหม่ซัดเข้าหาด้วยการต่อต้านคนพวกยิว (ให้ดูข้างล่าง) และการสั่งสอนของพระเยซูของชาวคริสต์ก็ถูกดูหมิ่นไม่เคารพอย่างแพร่หลาย แต่คนพวกนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายใหม่นี้เลย

ก่อนที่จะออกเป็นพระราชบัญญิติเป็นกฏหมายใหม่ นายกรัฐมนตรี Goran Persson ได้ทำให้กระจ่างชัดในกฏหมายใหม่ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 ว่า ไม่อนุญาตให้พระในโบสถ์ยืนเทศน์บนธรรมาสน์ว่าการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ ภาษาสวีเดน (“onaturligt”) (อ้างอิง ref.27) ผมเชื่อว่ากฏหมายใหม่นี้ไม่สามารถต้านทานสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิ้ลได้ประกาศไว้แล้ว

นี่ดูเหมือนว่า “พวกนิกาย” “Pentecostal Denomination” ไม่เกี่ยวข้องหรือกังวลเลยเพราะพวกเขานั้นเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นแขกรับเชิญให้มาพูดในงาน (อ้างอิง ref.28) ร่วมประชุมประจำปีที่โบสถ์ Filadelfia Church ในกรุงสต๊อกโฮม และหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ปรากฏตัวอีกหนึ่งเดือนต่อมาบนแท่นมุขที่ยื่นออกมาจากระเบียง (4 ธันวาคม ค.ศ. 2002) ฟังดูแล้วเหมือนกับละเมอเพ้อฝัน แต่คุณได้ยินชัดเจนจากหูของคุณว่านายกรัฐมนตรีคนเดียวกันได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน ว่าไม่อนุญาตให้พระเทศน์ว่า การรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ผิดธรรมดา ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วก็เป็นบุคคลคนเดียวกันที่เป็นครื่องมือในการผ่านร่างกฏหมายฉบับนี้ เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในงานประชุมประจำปีของพวกนิกายนี้ “Pentecostal Denomination” มันอาจจะเป็นความจริงที่ว่าท่านนายกรัฐมนตรีและท่านผู้นำศาสนาของโบสถ์ Filadelfia Church ที่มีชื่อว่า Hedin เป็นเพื่อนรักกันและอาจจะสมรู้ร่วมคิดกันก็ได้

คดีความของพระ Pastor Ake Green (The Case of Pastor Ake Green)

ด้วยกฏหมายฉบับใหม่ที่ห้ามไม่ให้กล่าวคำว่า การรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ผิดธรรมดาไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นผมไม่แปลกใจเลยที่พระ Pastor Ake Green ถูกพิพากษาจำคุกในสิ่งที่เขาเทศนา (ในวันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ. 2003) เกี่ยวกับสิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการเบี่ยงเบนทางเพศ คำเทศนาของเขาถูกมองว่าไม่เป็นการเคารพ หรือดูหมิ่นโดยพวกเกย์ที่ล๊อบบี้และวิ่งเต้นในรัฐบาล ในคำร้องอุทธรณ์ของพระ Pastor Ake Green คดีนี้ได้ไปถึงศาลสูงสุดของเราและที่นี่เองศาลสูงสุดได้ตัดสินว่า พระ Pastor Ake Green ได้ทำผิดกฏหมายของประเทศสวีเดนจริง และสมควรที่จะได้รับความผิด และนี่เองเขาได้ทำกันอย่างเปิดเผยและยินยอมที่จะจำคุกพระ Pastor Ake Green โดยเฉพาะศาลสูงสุดของเรามีอคิติ และมีใจโอนเอียงที่เข้าข้างพวกชายรักร่วมเพศ ผมได้เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีสมาชิกคนหนึ่งในหัวหน้าผู้พิพากษายุติธรรมได้ชักชวนและใช้จ่ายเงินเป็นค่าบริการรักร่วมเพศกับชายหนุ่มในเมือง Stockholm (อ้างอิง No.1) และหัวหน้าผู้พิพากษายุติธรรมคนนี้เองกำลังสู้ความอยู่ในขณะนี้ เพื่อปกป้องพฤติกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ดีในขณะเดียวกันศาลยุติธรรมก็ทราบดีว่า ประเทศอื่นในทวีปยุโรปได้ถือหลักคำสั่งสอน 2 อย่างคือ เสรีภาพในการพูดและเสรีภาพในการนับถือศาสนา และนี่เองเป็นการป่าวประกาศที่เกินเลย ที่ปกป้องพวกรักร่วมเพศจากคำว่า “ไม่น่าเคารพ ดูหมิ่น” พวกเขารู้อยู่เต็มอกว่าถ้าพระ Pastor Ake Green ถูกพิพากษาเขาจะอุทธรณ์ในคดีนี้ไปยังศาลของยุโรป (ซึ่งเป็นกฏหมายตัวอย่างที่สูงสุดของสมาชิกยุโรป) พวกเขาไม่กล้าที่จะจำคุกพระ Pastor Ake Green เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าศาลของยุโรปจะยกคำร้องคดีนี้ถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจนในคำวินิจฉัยของศาล (อ้างอิง ref.29)

ในการแสดงความคิดเห็นในการตัดสินครั้งนี้ ท่านประธาน (Johan Munck) กล่าวไว้ว่าศาลสูงสุดของประเทศสวีเดนเลือกที่จะพิจารณาลงความเห็นในการตัดสินก่อนหน้า ศาลของยุโรปใน Strasbourg ประเทศฝรั่งเศส เขาพูดไว้ว่า “ถ้าพระ Pastor Ake Green ถูกตัดสินว่าผิดในคำเทศนาของเขาที่กล่าวหาว่าเขายุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงแล้ว ดังนั้นค่อนข้างแน่ว่าประเทศสวีเดนจะต้องถูกตำหนิในศาลยุโรป” Mr. Munck ได้กล่าวคำเพิ่มเติมไว้ในการให้สัมภาษณ์กับวิทยุและโทรทัศน์ของสวีเดนว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กฏหมายบังคับที่เอาความผิดกับคำว่า “ไม่น่าเคารพ” อย่างที่ตั้งใจไว้และไม่เห็นด้วยกับการเขียนกฏหมายออกมาในรูปนี้ ตามที่ผู้ออกกฏหมายตั้งใจให้เป็น กฏหมายในสวีเดนไม่เป็นไปตามลำดับของกฏหมายนานาชาติในทางนิติศาสตร์ ในคำวินิจฉัยที่เขียนออกมาเป็นตัวหนังสือของคดีนี้ ศาลสูงสุดได้ปิดประกาศที่กล่าวว่า “พิจารณาจากสิ่งแวดล้อมหลังศาลสูงสุดของสวีเดนเห็นว่ามันเป็นไปได้ที่ศาลยุโรปจะพบว่า ถ้าเขาพิพากษาจำคุกพระ Pastor Ake Green (ที่กล่าวคำพูดในการเทศนาเกี่ยวกับพวกเกย์) จะเป็นการทำผิดกฏของสนธิสัญญายุโรป”

และศาลก็ได้สรุปคดีนี้ในสำนวนว่า “จากพยานและสิ่งแวดล้อมมันเป็นไปได้ว่าศาลยุโรปที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เมื่อพิจารณาจากการจำกัดเสรีภาพของพระ Pastor Ake Green ที่เทศน์ตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น ถ้าถูกพิพากษาว่าผิดจะทำให้จำกัดเสรีภาพ และไม่สมน้ำสมเนื้อกับกฏหมาย ดังนั้นจะถือว่าเป็นการทำผิดกฏของงสนธิสัญญายุโรป ด้วยคำอ้างอิงที่ได้กล่าวมานี้ การดำเนินคดีกับพระ Pastor Ake Green ก็ถูกยกฟ้อง”

(เป็นการปิดคดี)

ในทางกลับกัน : ประเทศอื่น ๆ นอกจากสวีเดน พวกรักร่วมเพศไม่สามารถมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น ถ้าคุณต้องการดูการดำเนินคดีแบบครบถ้วนและการวิเคราะห์ของคดีนี้ (คลิกที่นี่ click here) คำวินิจฉัยของศาลสูงสุดของสวีเดนเป็นหลักฐานได้ว่า เราไม่เหมือนใครในโลก และสวีเดนเท่านั้นที่ส่งเสริมต่อไปอีก ให้พวกชายรักร่วมเพศป่าวประกาศความมีอิสระเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการนับถือศาสนา กฎหมายนี้ยังคงเป็นผลใช้บังคับ และเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบีบคอ และอุดปากพระที่จะเทศน์เพราะว่ากลัวถูกดำเนินคดีเหมือนกับพระ Pastor Ake Green ผมจะเรียนให้ทราบว่าบุคคลที่เริ่มแรกดำเนินคดีกับพระ Pastor Ake Green ตอนนี้ถูกกล่าวหาว่ายักยอกฉ้อโกงทรัพย์ และตัวเขาเองอาจจจะต้องถูกจำคุก

บทบาทของ RFSL (The Role of RFSL)

ในประเทศสวีเดนปัจจุบัน พวกชายรักร่วมเพศที่ถูกเรียกว่าพวกโฮโมล๊อบบี้ (homolobby) (บางคนก็เรียกคนพวกนี้ว่า “โฮโมมาเฟีย” homomafia) การใช้การโฆษณาไปยังประชาชน โดยผ่านองค์กรหลักของเขาคือ RFSL Mr. Soren Andersson ซึ่งเป็นหัวหน้าขององค์กรนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ Dagen เกี่ยวกับความคิดเห็นในเว็บไซต์ของผมว่า “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบุคคลนี้จึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง” แต่ผมอยากจะเรียน Mr. Andersson ว่าเขาต้องเข้าใจว่าผู้ปกครองทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้ ถ้าผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานเป็นคนรักร่วมเพศแล้ว พวกเขานั้นนำบุตรหลานที่เข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุบ่ายหน้าหนีจากการเป็นชายรักร่วมเพศทำไม Mr. Andersson และองค์กรของเขาไม่ควรที่จะห้ามสิทธิที่ชอบธรรมของผู้ปกครอง

ตัวอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้ว่า RFSL มีสิทธิพิเศษในสังคมของเราวันนี้คือการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลของเรา ในการทำกิจกรรม รวมไปถึงการเปิดเว็บไซต์ ที่สรรเสริญเยินยอพฤติกรรมของการรักร่วมเพศ รวมไปถึงการให้คำแนะนำ ในการใช้ยาเสพติดที่ผิดกฏหมาย และ “คู่มือเกี่ยวกับเรื่องทวารหนัก” (Anal Manual) ที่ว่าด้วยกิจกรรมทางเพศ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ข่าวสารบนหน้าเว็บไซต์ น่าขยะแขยงสำหรับคนทั่วไป

อย่างไรก็ดี ทดลองนึกภาพดูว่า ถ้าเด็กหนุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจำแนกเพศตัวเองที่ถูก RFSL ชักจูงเข้าไปสู่แวดวงรักร่วมเพศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรของโรงเรียน เด็กเหล่านี้จะกลับมาบ้านแล้วเข้าไปดูในเว็บไซต์ของ RFSL แล้วก็จะพบกับภาพและข่าวสารที่ลามกและน่าขยะแขยงสำหรับคนทั่วไป เว็บไซต์นี้สร้างมาด้วยเงินภาษี และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่ไม่มั่นคงอ่อนแอหรือเด็กที่ไม่มีพ่อ จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดในการโฆษณาชวนเชื่อที่สกปรก ดูซิว่าบุคคลากรและองค์กรนี้เลวร้ายอย่างไร? และทำไมเราซึ่งเป็นประชาชนในประเทศนี้ต้องทนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา?

การลังเลที่ไม่สู้เต็มใจของคนสวีเดนที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านกับความเลวร้ายนี้ (The Reluctance By Most Swedes To Stand Up Against Eveil)

คุณลองถามตัวเองว่า “เรื่องนี้มาได้อย่างไร?” มีบางคนกล่าวว่าคนชั่วจะได้รับชัยชนะ : ถ้าคนดีไม่ทำอะไรเลย ในหนังสือชื่อ “การป้องกันชีวิตสมรส” ภาษาสวีเดน “Forsvara Aktenskapet” (Swesidh: Torsvara Aktenskapet) เขียนโดย Olof Djurfeldt กล่าวถึงการตกต่ำไปสู่แหล่งความชั่วร้ายและไม่มีศีลธรรมของประเทศเรา ในบทความหนึ่งเขียนว่า “ความรู้สึกไม่อาจจะแทนที่การอ้างเหตุผล” (หน้า 117) Djurfeldt ให้สัมภาษณ์ Stefan Gustavsson ซึ่งเป็นเลขาธิการใหญ่ของสมาคมผู้เผยแพร่คำสั่งสอนของพระเยซู Mr. Gustavsson ถูกถามคำถามนี้ “คุณกำลังจะบอกว่าปัจจุบันนี้เรามีความลำบากใจที่จะบอกคนบางคนว่า “ผมชอบคุณอย่างเป็นคน แต่ไม่ชอบคุณในสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่” Mr. Gustavsson ตอบตามความเชื่อของคนคริสเตียนว่า “ใช่แล้วครับ ผมพบว่าผมลำบากใจมากยิ่งขึ้น ที่จะแหย่ให้คนอื่นโกรธโดยพูดว่า : ‘ผมคิดว่าการกระทำของคุณผิด’ เราชาวสวีเดนอาจจะลำบากใจอย่างยิ่งที่จะพูดอย่างนั้น เพราะว่าเราต้องการที่จะอยู่ร่วมกัน เราได้ประสบเจอกับคำต่อว่าจากการลงความเห็นของคน แต่เราต้องสามารถที่จะยอมรับซึ่งกันและกันอย่างคนทั่วไป และ (ใช้คำอ้างอิงจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล) ทุกคนมีค่า เพราะถูกสร้างขึ้นมาในรูปจำลองของพระเจ้า และขณะเดียวกันควรที่จะรู้ชัดว่า อะไรเป็นสิ่งดีและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและการดำเนินชีวิต”

นั่นเป็นการถูกต้อง เราชาวสวีเดนกลัวที่จะลุกขึ้นมาพูด ในสิ่งที่เราเชื่อว่าถูกและก็ห่วงใยที่จะเอาใจทุก ๆ คน มีคำพังเพยในภาษาสวีเดนที่ว่า “หนีดีกว่าที่จะต่อสู้” อันนี้แสดงให้เห็นว่าสันดานนี้ฝังอยู่ในนิสัยคนสวีเดน กวีชาวสวีเดนชื่อว่า J.L. Runeberg เขียนกวีที่มีชื่อเสียง เรื่องมีอยู่ว่า คนเป็นแม่ได้สั่งให้ลูกที่กำลังจะเข้าเป็นทหารให้ “หนีดีกว่าต้องต่อสู้” และสันดานในวิญญาณของชาวสวีเดนที่ทำให้การเล่นสวาทระหว่าง ผู้ชายกับผู้ชาย เต็มไปหมดในประเทศที่สวยงามนี้ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา และฝังรากฐาน ชายรักร่วมเพศที่มีอิทธิพล homomafia ไว้เป็นพวกที่มีอำนาจในสังคมของเรา “Heritage Fund” เป็นแหล่งเงินสนับสนุนหลักของ RFSL ที่ใช้เงินนี้ในการวิ่งเต้นล็อบบี้ homolobby

นิสัยประจำตัวของเรา ได้มีส่วนร่วมในบทบาทที่สำคัญของประวัติศาสตร์ เช่น มันเป็นเหตุผลว่าทำไมสวีเดนในปี ค.ศ. 1941 ถูกนาซีในประเทศเยอรมัน ให้เข้ามาช่วยรุกรานครอบครองประเทศนอร์เวย์ (อ้างอิง ref.30) “ทำไมทัพเยอรมันไม่บุกสวีเดนในสงครามโลกครั้งที่ 2?) และทำไมเราได้ส่งเหล็กกล้า ซึ่งเป็นที่ต้องการของกองทัพฮิตเลอร์ จากเหมืองแร่เหล็กในเมือง Gallivare ในตอนเหนือของสวีเดนผ่านท่าเรือในเมือง Narvik ประเทศนอร์เวย์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วทวีปยุโรปต้องหลั่งเลือด ภายใต้การนำ ใต้กำปั้นเหล็กของฮิตเลอร์

แต่ต่อมาขณะที่สงครามยังดำเนินอยู่ และหลังจากเป็นที่แน่ชัดว่าฮิตเลอร์จะแพ้สงคราม, สวีเดนได้เปลี่ยนหลักการและอนุญาตให้นักบินจากพันธมิตร ใช้สนามบินในการลงจอดฉุกเฉิน ในตอนใต้ของสวีเดน เพื่อที่จะบินกลับไปที่ประเทศอังกฤษ (หลังจากการทิ้งระเบิดในเยอรมัน) แล้วก็อีกเหตุผลหนึ่งที่เราเข้าร่วมกับเยอรมันในการครอบครองประเทศนอร์เวย์ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า นายทหารของเรามากมายในกองทัพ ที่จริงแล้วเป็นคนที่เกลียดต่อต้านพวกยิว และหลังจากสงครามสงบ, เด็ก ๆ นักเรียนถูกสอนว่ามันเป็น “นโยบายที่เป็นกลางที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของสวีเดน” ซึ่งทำให้เราปลอดภัยจากภัยพิบัติของสงคราม เป็นกลางอะไร?

ข้อควรสังเกต : การต่อต้านพวกคนยิวได้ปรากฏในสุเหร่าของสวีเดนทุกวันนี้ คนยิวที่ยังเหลืออยู่ในสวีเดน ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะ ไม่ได้รับการคุ้มครองที่ว่าด้วย “ไม่น่าเคารพ” เหมือนกับพวกชายรักร่วมเพศที่ได้รับอยู่ขณะนี้ แม้แต่รัฐบาลเองจะดูเหมือนว่าค่อย ๆ ต่อต้านประเทศอิสราเอล แล้วไปเอาใจพวกคนมุสลิม ตัวอย่างเช่น รัฐบาลสวีเดนในเดือนเมษายน ค.ศ. 2006 ได้ยกเลิกการร่วมซ้อมรบทางอากาศอย่างกะทันหันในอิตาลี (อ้างอิง ref.31) กับประเทศอื่น ๆ หลังจากที่ได้รับทราบมาว่าประเทศอิสราเอลจะร่วมซ้อมรบด้วย และในเดือนเดียวกันหัวหน้ากลุ่มฮามาสที่เป็นองค์กรก่อการร้ายได้ถูกเชิญให้มาเยี่ยมสวีเดนด้วย (อ้างอิง ref.32) การมาของฮามาสไม่ได้ถูกเชิญโดยรัฐบาล แต่เป็นการเชิญโดยกลุ่มต่อต้านยิวในสวีเดน เราอาจจะได้เป็นประจักษ์พยาน แข่งเอาหน้ากับชาวมุสลิม โดยคาดหวังว่า วันหนึ่งสวีเดนจะกลายเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิม เป็นประชากรส่วนใหญ่ แต่จะมีบางคนหรือกลุ่มคนในประเทศของเรา ที่กล้ายืนขึ้น เพื่อต่อต้านแนวความคิดทั้งหมด ที่ยอมรับการรักร่วมเพศในสังคมของเรา ตัวอย่างที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้คือ เรื่องราวของพระ Pastor Ake Green อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ โบสถ์สอนศาสนา ตามคำสอนของพระเยซู ชื่อ Jerusalem Evangelical Church นี้ประกอบด้วยคนอพยพเข้าเมืองจากประเทศเอธิโอเปีย (Ethiopia) * อุบาสกอุบาสิกา บนเว็บไซต์ของเขา http://www.j-e-c.org/faceliftup2/main_Swe.thml เขาได้เขียน “คำประกาศสำหรับเสรีภาพของการพูดและสำหรับการสนับสนุนพระ Pastor Green” เขาเหล่านั้นได้มีส่วนร่วมหลายครั้งมากในการเดินขบวนที่จะสนับสนุนพระ Pastor Green ในการร้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์

Homomafia ของสวีเดนและตัวอย่างของวิธีการในการปฏิบัติงานของเขา (The Swedish Homomafia and Examples of Their Methods of Operation)

มีชาวสวีเดนที่กล้าหาญอีกท่านหนึ่ง ที่กล้ารุกขึ้นมาเขียนเว็บไซต์ที่ ตีแผ่วิถีการดำเนินชีวิตของพวกชายรักร่วมเพศ คล้าย ๆ กับเว็บไซต์ที่คุณอ่านอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ดี, เจ้าของเว็บไซต์นี้ต้องปิดเว็บไซต์ไปเพราะว่าเขา, เพื่อนร่วมธุรกิจ และลูกค้าของเขาถูกพวก Homomafia ตามรังควานข่มขู่ก่อกวน ในแบบสไตล์ของพวกมาเฟีย, โดยการข่มขู่โดย Homomafia ลูกค้าของเขาไม่กล้าที่จะเข้ามาซื้อของในร้านเขา นี่ทำให้คนทำมาหากินที่มีฐานะ และตำแหน่งในวิชาชีพ และในสายงานทางด้านธุรกิจ กลัวที่จะแสดงความคิดเห็นของเขา ในหัวข้อโลกทุกวันนี้ พฤษภาคม 29, ค.ศ. 2006 ส่วนหนึ่งกล่าวไว้ว่า :

“เขาได้แจ้งความกับตำรวจ หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ตอนตีหนึ่งที่ขู่ว่า ‘พวกเรารู้ว่าคุณเป็นใคร, คุณและครอบครัวจะต้องมีปัญหา..........ลูกค้าของคุณจะรู้ว่าคุณคือใคร.............ทุก ๆ คนจะเกลียดชังคุณ, คุณจะได้รับความทุกข์ทรมาน เมื่อผมจะเปิดเผยคุณ’ ชายคนนั้นได้พูดในโทรศัพท์ ตำรวจได้ปิดคดีนี้ เพราะไม่มีหลักฐาน

ชายคนหนึ่งไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อวันหนึ่งเขาดันพบว่ามีรถลึกลับ จอดอยู่หน้าบ้านของเขา แล้วคนขับได้เปิดกระจกหน้าต่างลง แล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปตรงมาที่บ้านของเขา “ผมคิดว่าเขาถ่ายรูปบ้านของผมและผมก็ได้วิ่งออกไป และสามารถที่จะอ่านแผ่นป้ายทะเบียนรถของเขา มันเป็นรถโตโยต้าสีน้ำเงิน ผมได้ติดต่อไปยังสำนักงานทะเบียนรถยนต์แล้ว ทราบว่ารถยนต์คันนั้นเป็นของภรรยาของนักรณรงค์รักร่วมเพศ ที่มีชื่อเสียงและเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น” นี่เป็นคำกล่าวของเขาผู้เดือดร้อน

รูปภาพบ้านของเขาและป้ายชื่อถนน ที่ถูกชายลึกลับถ่ายไว้ ได้ปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ตและรูปดังกล่าว ก็ได้ถูกส่งต่อไปยังเว็บไซต์ของสถานีวิทยุท้องถิ่นชื่อ TT เว็บไซต์นี้เขาได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่อยู่อาศัยชื่อของเขาและภรรยาพร้อมที่อยู่ และได้เชื่อมลิงค์ในเว็บไซต์ที่มีรูปของเขาด้วย

เขากล่าวต่อไปว่า “ผมสงสัยว่าถ้ามีคนบางคนนั่งซุ่มรอผมอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้าน และคอยติดตามผมหรือดักรอลูกผมตอนจะไปโรงเรียน นี่ไม่ใช่ตามรังควานและก่อกวนหรือ” “โดยเฉพาะการกระทำของนักข่าวของสถานีวิทยุ TT แทนที่จะทำหน้าที่สมกับเป็นนักข่าว กลับใช้เวลาว่างของเขาตามก่อกวนผมและครอบครัว” ชายคนนั้นกล่าว

ชายที่เป็นพ่อค้าคนนี้โต้เถียงว่า การที่สื่อสารมวลชนทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อวาระของพวกชายรักร่วมเพศ ทำให้เป็นเหตุผลว่าทำไมสิ่งนี้ถึงได้เกิดขึ้น

เขากล่าวต่อไปว่า “พวกรักร่วมเพศไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสารมวลชนเลย แถมยังได้รับสิทธิพิเศษอีกต่างหาก คนที่คอยก่อกวนรังควานผม เขารู้ดีว่าเขาทำได้โดยไม่ต้องรับโทษ” มีพระคนหนึ่งได้ติดต่อมายังชายที่เป็นพ่อค้าคนนี้และเห็นใจแล้วกล่าวว่า “นี่จะทำให้ธุรกิจของเขากระทบกระเทือน” เว็บไซต์ที่ได้ตีพิมพ์ไว้เพื่อตีแผ่ความจริง เกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิตของพวกชายรักร่วมเพศ ถูกปิดลงตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว พวกที่อยู่เบื้องหลังการรณรงค์ให้คนอื่นเกลียดเรา เขาได้ทำสำเร็จแล้วในสิ่งที่เขาต้องการ

ดังนั้นด้วยตัวอย่างที่ยกมานี้มันทำให้เห็นได้ชัดว่า ทำไมคนสวีเดนถึงได้กลัวที่จะต่อต้านพลังความชั่วร้ายของพวกคนรักร่วมเพศ ที่ความจริงแล้วทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของเราแบบธรรมชาติและถูกต้อง ต้องพังทลายลง มีใครมั่งในพวกเราที่เต็มใจที่จะเสี่ยงยอมเสียธุรกิจการงานและฐานะทางสังคม? และเรื่องความปลอดภัยจากการถูกทำร้ายร่างกายของลูกเมียเป็นอีกต่างหาก มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ถ้าจะไม่สนใจกับเรื่องนี้ แม้กระทั่งพระ ถ้าจะอยู่เฉย ๆ ก็ได้ แล้วก็ทำให้มีชื่อเสียงกับตัวเองโดยการคบคนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

โดยการเปรียบเทียบกับพ่อค้าที่กล่าวมาข้างบนนี้ ซึ่งต้องสูญเสียกับธุรกิจที่ได้ประสบความสำเร็จ ความพิโรธที่ผมได้รับ เมื่อเทียบกับเขาแล้วเปรียบได้ว่าน้อยมาก แม้กระทั่งว่าผมและครอบครัวได้รับคำขู่ จะเอาชีวิตหลายครั้ง ในระหว่างทัวร์ในประเทศสวีเดน ปี ค.ศ. 2006 เมื่อตอนที่เราได้เปิดตัวแนะนำเว็บไซต์นี้ เราได้ถูกพวกมาเฟียรักร่วมเพศก่อกวนหลายครั้ง และเราต้องใส่เสื้อเกราะกันกระสุนและเราได้ยกเลิกกิจกรรมตั้งหลายอย่างไป คุณสามารถที่จะอ่านรายละเอียดได้ในลิงค์ที่มีชื่อว่า “มาเฟียรักร่วมเพศ” (Homomafia) บนเมนูข้างบนหน้าหลัก หลังจากที่ถูกขู่และทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ผมได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่งที่น่าสนใจจากชายที่เห็นใจผม เขาเขียนไว้ว่า

“ผมได้เข้าไปอ่านเว็บไซต์ของคุณผ่าน afa ผมมีความรู้สึกที่ดีต่อ afa เพราะเขาต่อต้านพวกนาซี แต่เขาก็ดูเหมือนว่าใช้ความรุนแรงต่อพวกอื่นด้วย ผมรู้สึกละอายเมื่อรู้ว่าพวกเขาทำกับคุณอย่างนี้ แล้วผมก็คิดต่อไปว่า: ทำไมเขาไม่ทุบกระจกประตูหน้าต่างของสุเหร่า? พวกมุสลิมก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับพวกเราเหมือนกัน................ทำอย่างนั้นอาจจะถูกประหารชีวิตได้ในประเทศมุสลิมนะ ตั้งแต่นี้ไปผมจะอ่านดูเว็บไซต์คุณให้มากยิ่งขึ้น ผมอาจจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง ผมจะเขียนมาคุยกับคุณอีก นับถือ เซ็นชื่อ............................(ชื่อและสกุลถูกผมตัดออกไป)”

ตอบคำถามบุคคลผู้ที่เขียนมานี้ ผมอยากตอบว่า: เว็บไซต์ afa และกลุ่มอื่น ๆ ที่คล้าย ๆ กันที่ไม่เกี่ยวกับทางการเมืองทั่วโลกที่ขาดหลักการทางประชาธิปไตย เขาเหล่านั้นทำตามกฎที่เขาตั้งขึ้นเอง เขาทั้งหลายเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้ชายที่อยากมีอำนาจ โดยไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำและปราศจากสมอง ดังนั้นเขาทั้งหลายใช้ความนึกคิด ในการมีอำนาจโดยการทำให้คนอื่นตกใจกลัว เขาอาจจะใช้ชื่อ afa หรือพวกต่อต้านนาซี ฯลฯ แต่เขาทั้งหลายก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ผมขอเพิ่มอีกหน่อยเกี่ยวกับคนที่เป็นประธานของ RFSL, Mr. Soren Andersson ที่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Dagen ที่เกี่ยวกับตัวผมไว้ว่า “มันน่าทุเรศที่คนๆ นี้มีความโกรธชังเต็มตัวเขา” และเขาก็ได้บอกไว้ด้วยว่า RFSL ไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายพวกเรา แต่เขาสามารถที่จะ “เข้าใจถึงการกระทำร้าย” ฉะนั้นคำให้สัมภาษณ์นั้นไม่มีน้ำหนัก ที่เขาปฏิเสธการใช้ความรุนแรง และอาจเพิ่มน้ำหนักให้คนอย่าง afa ในการใช้กำลังไปในทางที่ผิด เพื่อที่จะปกปักรักษาความเป็นประชาธิปไตย ที่เปราะบาง แล้วจำกัดให้สิ้นซากพวกมาเฟียรักร่วมเพศนั้น มันเป็นความสำคัญที่คนที่เป็นผู้นำทุกด้านต้องยืนหยัดต่อการยุแหย่, ความรุนแรง และการกรรโชก ทำให้กลัว ผมเห็นด้วยที่เขาอ้างว่าไม่มีองค์กรใดสามารถที่จะควบคุมการกระทำของสมาชิกทั้งหมดได้ แต่ในบางโอกาสบางสถานการณ์สามารถควบคุมได้ ตัวอย่างเช่น RFSL สามารถมีอิทธิพลต่อการเดินพาเหรดของเกย์ในเมืองสต๊อกโฮมได้ (Pride Festival) เขาทำกันได้อย่างไรที่เขาจัดงานใหญ่โตพาเหรดของเกย์ที่คนเข้าร่วมสามารถใช้ลูกดอกปาไปที่รูปของ สันตะปาปา (Pope), Ulf Ekman, Alf Svensson และผู้ที่กลัวรักร่วมเพศ “homophobes”? ถ้านี่ไม่ใช่การยั่วยุแล้วเขาเรียกว่าอะไร? พระสันตะปาปาโป๊ป มีคนเขาคอยปกป้องให้ความปลอดภัยตลอดเวลา แล้วคนธรรมดาอื่นๆ จะรู้สึกอย่างไร?

ผมมีความคิดเห็นอีกเกี่ยวกับปฏิกิริยาของพวกล็อบบี้รักร่วมเพศต่อเว็บไซต์นี้ ผมเชื่อว่าพวกคนรักร่วมเพศคิดเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่อง “ปกติทั่ว ๆ ไป” หรือ “ธรรมดา” ยกตัวอย่างเช่น การร่วมเพศทางทวารหนักอย่างแพร่หลายในหมู่พวกผู้ชาย เขาบอกว่ามัน “แค่เพียง” 2 ใน 3 ของพวกชายรักร่วมเพศทั้งหมดที่กระทำกัน แต่มันก็ยังคงเป็นคนส่วนมากอยู่นั่นแหละ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม RFSL มี “คู่มือเกี่ยวกับทวารหนัก” (Anal Manual) อยู่ในหัวใจหลักของเว็บไซต์ของเขา เว็บไซต์นี้อธิบายไม่เพียงแค่จะทำการร่วมเพศทางทวารหนักที่ดีได้อย่างไร แต่เขาได้อธิบายการกระทำอื่นๆ เช่น การ “เสียทวารหนัก” (Rimming) และ “การใช้กำปั้นยัดเข้าไปในทวาร” (Fisting) และประมาณอีก 1 ใน 3 ของชายรักร่วมเพศที่ยังไม่กระทำการร่วมเพศทางทวารหนัก คนอื่น ๆ ในสังคมอาจจะเข้าใจผิด และเหมาเอาว่าคนพวกนี้ร่วมเพศกันทางทวารหนัก อย่างไรก็ดี ในการนำเสนอของเว็บไซต์นี้, มันจะไม่เป็นการยุติธรรมต่อผู้ปกครอง ถ้าเราไม่อธิบายถึงวิธีการที่พวกชายรักร่วมเพศส่วนใหญ่กระทำกัน มันเป็นความเชื่อของผมที่ว่า ถ้าผู้ปกครองเข้าใจถึงการเสี่ยงที่สูงของการรักร่วมเพศทางทวารหนัก, ผู้ปกครองก็จะช่วยบุตรชายของเขาได้เป็นอย่างดี ในการช่วยพัฒนาปลูกฝังความเป็นผู้ชายในบุตรหลาน เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันและมีผลกระทบที่มากกว่า คือเรื่องของการกระทำชำเราเด็กผู้ชายในหมู่คนพวกชายรักร่วมเพศ มีหลักฐานอย่างท่วมท้นที่ว่าชายรักร่วมเพศ มักจะกลายเป็นคนที่กระทำชำเราเด็กชายมากกว่าพวกผู้ชายที่รักเพศตรงข้าม แต่โดยเฉลี่ยทั่วไปแล้ว ชายรักร่วมเพศนั้นไม่ใช่คนที่ชอบกระทำชำเราเด็ก แต่มีจำนวนมาก ที่ชอบร่วมเพศกับเด็กและเยาวชน ดังนั้น เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคนพวกนี้ (ชายรักร่วมเพศ) ที่มี “ปัจจัยเสี่ยง” ที่สูงกว่า สำหรับพวกชอบร่วมเพศกับเด็กก็จะถูกมองแบบขัดเคือง อย่างไรก็ดีมันเป็นเรื่องที่จะต้องถูกพูดถึงสำหรับเหตุผลเดียวกัน ถ้าจะปิดบังแล้วไม่พูดเกี่ยวกับมันเลย จะเป็นการไม่ดีอย่างยิ่งต่อผู้ปกครองทั้งหลาย

คุณจะป้องกันการจู่โจมของกามวิตถารแบบเดียวกันไม่ให้เข้าถึงประเทศของคุณได้อย่างไร (How you can prevent the same onslaught of sodomy from reaching your country)

จุดประสงค์หลักของเว็บไซต์นี้เพื่อที่จะ ให้ผู้ปกครองได้ทราบถึงการป้องกันไม่ให้บุตร - หลานท่านได้กลายเป็นคนรักร่วมเพศ แต่คุณได้อ่านเกี่ยวกับการพัฒนาการที่สกปรกต่ำช้าในประเทศของเรา และพบว่าพวกล็อบบี้รักร่วมเพศได้ประสบความสำเร็จในการมีฐานะขั้นมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น, คุณควรถามตัวคุณเองว่า “ผมจะทำอย่างไรที่จะป้องกันการพัฒนาการเช่นเดียวกันในประเทศของผม?” กระผมขอแนะนำสัก 2 ข้อได้ไหมครับ:

1. ให้แพร่ข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้คนในหมู่คณะของคุณและให้ประชาชนในประเทศทั่วไปได้ทราบ มีเว็บไซต์ดี ๆ ตั้งมากมายในอินเตอร์เน็ตที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับเว็บไซต์ของผม ผมไม่รับเงินบริจาคแม้จะมีคนเสนอจะบริจาคเงินก็ตาม ในทางกลับกันถ้าคุณมีความมุ่งหมายที่ดี, คุณสามารถเผยแพร่กระจายข่าวสารโดยการใช้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของคุณเอง หรือทางอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณสามารถจะคิดได้

2. ให้ประท้วงไม่ซื้อสินค้าของสวีเดนโดยเฉพาะบริษัทนี้ แอร์สแกนดิเนเวีย ที่ให้การสนับสนุนพาเหรดของเกย์ที่ยิ่งใหญ่ในสต๊อกโฮมที่เรียกว่า “เทศกาลแห่งความภาคภูมิ” (Pride Festival)